บทที่ ๘
สามทิดผู้รู้ใจ
วันต่อมาข้ารู้สึกเหนื่อยตั้งแต่เช้า เพราะมีแขกมาเยี่ยมมากมายหลายคน ชาวบ้านใกล้เคียงก็มาร่วมงานกันบ้างแล้ว โรงครัวที่มีชาวบ้านมาช่วยกันทำอาหารเลี้ยงแขกก็วุ่นวายไปทั่ว โชคดีที่มีน้าปริงคอยช่วยรับแขกด้วยจึงทำให้เบาแรงไปได้บ้าง
มีขุนนางผู้ใหญ่ท่านหนึ่งนำของขวัญมาร่วมแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยตัวเอง เพราะวันงานท่านติดภารกิจเกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางร่วมคณะราชทูตสยามไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ข้าเลยไปต้อนรับสนทนากับท่านอยู่นาน จนท่านลากลับไปจึ่งค่อยสังเกตเห็นว่านอกจากจะมีน้าปริงคอยช่วยรับแขกแล้วยังมีอำแดงศรีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง
“ขอบใจมากที่มาช่วยตั้งแต่วันนี้” ข้าเดินไปหาแล้วเอ่ยกับอำแดงศรีที่วันนี้ดูสวยยิ่งกว่าทุกๆ วัน
“น้าปริงให้คนไปตามข้ามา บอกว่ามีเรื่องดีๆ พลาดไม่ได้” อำแดงศรีชี้แจง
น้าปริงที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบแจ้งข่าวกับอำแดงศรีด้วยรอยยิ้ม
“แม่ศรีรู้หรือไม่ คณะเพลงฉ่อยสามทิดมาถึงแล้ว พักอยู่ที่เรือนริมโน้นแน่ะ คุณหลวงพาแม่ศรีไปทักทายพวกเขาหน่อยปะไร”
ประโยคหลังน้าปริงหันมาพูดกับข้า ทำไมข้าจะไม่รู้ว่าน้าปริงใช้แผนเอาอำแดงศรีบังหน้า แต่ด้วยความเหนื่อยและหิวเลยพยักหน้ารับคำ
“แขกน้อยลงแล้ว ไปเยี่ยมพวกสามทิดหน่อยก็ดี แล้วก็พักกินข้าวกันที่นั่นสักครู่เลยเถอะ”
อำแดงศรีที่เพิ่งรู้ข่าวตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง ส่วนน้าปริงรีบสั่งให้เด็กยกอาหารไปที่เรือนรับรองหลังนั้นโดยไว
คณะเพลงฉ่อยสามทิดกำลังนั่งล้อมวงกินข้าวอยู่ที่ชานบนเรือนรับรอง พอเห็นข้าเดินมากับน้าปริงและอำแดงศรี ทิดโยง ทิดนอง ทิดพ่วงก็พรวดพราดลุกขึ้นยืนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทิดโยงผู้เป็นหัวหน้าวาดแขนตั้งวงพร้อมส่งเสียงเจื้อยแจ้วทักทายด้วยทำนองเพลงฉ่อยขึ้นทันที
(ทิดโยง)
“เอิงเอิงเออ ฉะเอิงเอ้ย
ได้พบสบพักตร์ หลวงศักดิ์วันนี้ มากับใครกันนี่ ช่างโสภีสดใส
หรือเชิญนางมา จากฟ้าแดนสรวง เดินคู่เดินควง ดูเด่นเกินใคร
(ทิดนอง)
สองสาวพราวพริ้ง เจ้าสวยจริงสวยจัด ขอถามคุณหลวงชัดชัด อย่าผ่อนอย่าผัดให้ขัดใจ
แม่หญิงน่ายล ละก็สองคนนี้ คนไหนกันที่ เป็นคู่หมาย
(ทิดพ่วง)
ไอ้นองเอ๋ยเพื่อนรัก คุณหลวงศักดิ์มีคู่แล้วแน่ ถ้างั้นนางนุ่มน้องแก ยกให้ฉันเถิดเร็วไว
(ลูกคู่)
เอ่ชา เอ๊ช้า ชา ฉ่า ชา หน่อยแม่
ทิดนองถีบทิดพ่วงเบาๆ เป็นเชิงตบมุขเหมือนตอนเล่นบนเวที เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมคณะครืนใหญ่ ก่อนที่เหล่าคณะสามทิดจะยกมือไหว้ทักทายข้าแล้วเลยไปถึงน้าปริงกับอำแดงศรีด้วย ทำเอาสองสาวรีบไหว้กลับแทบไม่ทัน
“ฉันไหว้จ้ะ” น้าปริงกล่าวขณะไหว้กลับ “พวกพี่ทิดอายุมากกว่านะ จะมาไหว้ฉันก่อนได้อย่างไร กับหลวงศักดิ์ก็เหมือนกัน จะไปไหว้ก่อนทำไม เด็กเมื่อวานซืนแท้ๆ”
“ข้าไหว้หลวงศักดิ์มิใช่เพราะวัยวุฒิหรอกจ้า แต่หลวงศักดิ์นั้นมีบุญคุณช่วยเหลือพวกข้าหลายครั้งหลายครา เลยอดที่จะนับถือไม่ได้” ทิดโยงอธิบาย
“นี่น้าปริง น้องสาวคนสุดท้องของแม่ข้าเอง บ้านอยู่บางกะปิ ส่วนนี่อำแดงศรี เป็นชาวบ้านย่านนี้ มาช่วยต้อนรับแขกที่มางาน สองคนนี้อยากเจออยากดูพวกพี่เล่นเพลงฉ่อยมาก” ข้ารีบตัดบทก่อนที่น้าปริงจะซักถามอะไรต่อด้วยการแนะนำสองสาวให้สามทิดรู้จัก
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกข้าจะแสดงให้สุดฝีมือเลย ว่าแต่กินข้าวกินปลากันมาหรือยัง มาๆ กินข้าวด้วยกันสักมื้อ ไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเองก็แล้วกัน” ทิดนองกล่าวบ้าง
“อ้าว นี่มันบ้านข้านะพี่นอง” ข้าแย้งพลางส่ายหน้าอย่างระอา
“ประโยคหลังนั้นไอ้นองมันบอกแม่ศรีโน่นขอรับคุณหลวง” ทิดพ่วงพูดโพล่งขึ้น
ข้าเหลือบมองอำแดงศรี เห็นแก้มมีสีแดงระเรื่อขึ้นด้วยความเขินอายกับคำพูดที่แฝงความนัยนั้น สามทิดนี้รู้ใจข้าจริงๆ เดี๋ยวตอนแสดงต้องมีรางวัลให้มากหน่อย… แล้วถ้าอำแดงศรียอมมาอยู่บ้านนี้เมื่อไหร่ละก็ ข้าคงต้องเชิญสามทิดมาเล่นเพลงฉ่อยฉลองสัก ๗ วัน