บทที่ ๗
ทิดโยง ทิดนอง ทิดพ่วง
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๐๔ นั้น ลำตัดกับลิเกยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมา มหรสพที่ได้รับความนิยมมากจึงไม่พ้นเพลงฉ่อย ที่รวมเอาเพลงพื้นบ้านอื่นๆ มาร้องประกอบด้วย ส่วนมากจะเลือกที่จังหวะสนุกๆ อย่างเพลงอีแซว เพลงเรือ หรือเพลงเกี่ยวข้าว
เพลงฉ่อยคณะสามทิด มีพ่อเพลงเด่นๆ ๓ คนคือ ทิดโยง ทิดนอง ทิดพ่วง พ่อเพลงวัยหนุ่ม อายุค่อนข้างน้อยกว่าพ่อเพลงของคณะอื่นๆ แต่ฝีปากในการร้องเพลงพื้นบ้านนั้นไม่ได้น้อยเช่นอายุ ด้านแม่เพลงก็เช่นกัน นอกจากร้องเพลงเก่งแล้วยังสาวและหน้าตาดีอีกด้วย จึงได้รับความนิยมมาก ไปเล่นงานไหนคนแน่นตลอด จุดเด่นของเพลงฉ่อยคณะสามทิดอยู่ที่ร้องได้ฉะฉาน มีมุขตลกเยอะ นำเรื่องราวเหตุการณ์ซึ่งกำลังเปนที่สนใจของชาวบ้านมาแทรกในเพลงที่ร้องโต้กัน ไม่ใช่เน้นแต่จีบกันไปมา หรือเน้นที่ตลกหยาบโลนจนแม่ต้องอุดหูลูกสาวแล้วพากลับบ้าน
ก่อนวันงาน ๒ วัน ราวบ่าย ๓ โมง ข้ามาส่งแขกลงเรือที่ท่าน้ำแล้วนั่งพักรับลมเย็นๆ อยู่ที่ศาลาท่าน้ำต่อ สักพักก็มีเรือ ๒ ลำพายมุ่งหน้าตรงมา บนเรือมีหนุ่มฉกรรจ์นั่งอยู่ร่วม ๑๐ คน ข้าเพ่งมองและยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าที่นั่งอยู่หัวเรือนั่นคือ ทิดโยง ทิดนอง ทิดพ่วง พ่อเพลงแห่งคณะสามทิดนั่นเอง
“มาจากไหนกันล่ะนี่ แล้วพวกสาวๆ ไม่มาด้วยรึ” ข้าถามไถ่หลังจากทักทายกันวุ่นวายครู่หนึ่ง
“เพิ่งไปเล่นที่แปดริ้วมาขอรับคุณหลวง ไม่น่าเชื่อว่าที่นั่นจะนิยมเล่นเพลงฉ่อยกันมากไม่แพ้สุพรรณ มีพ่อเพลงแม่เพลงเก่งๆ หลายคน แต่ประชันกัน ๓ คืน พวกเราชนะขาด” ทิดโยงบอกพลางยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ
“พวกสาวๆ ค่อยตามมาเช้าวันงานขอรับ พวกข้าล่วงหน้ามาเตรียมการก่อน” ทิดนองกล่าวบ้าง “นางนุ่มน้องสาวข้าอยากมาเจอคุณหลวงเต็มที แต่ข้ากลัวมาเกะกะให้เสียการ เลยให้พักอยู่กับคนอื่นๆ ก่อนขอรับ เสร็จจากงานนี้แล้วคุณหลวงช่วยรับมันไว้อยู่ที่นี่ข้าจะขอบคุณอย่างยิ่งขอรับ”
“ในเมื่อไอ้นองยกนางนุ่มให้แล้ว คุณหลวงก็รับไว้อย่าได้ขัดศรัทธาเลยขอรับ แล้วคุณหลวงก็โปรดยกนางนุ่มให้ข้าต่อ…” ทิดพ่วงบอก ก่อนที่ทิดนองซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหน้าจะพลิกตัวหันไปถีบใส่เบาๆ
ข้าหัวเราะพลางยกมือปรามก่อนจะวุ่นวายไปกว่านั้น บอกตรงๆ ว่าไม่รู้พวกนี้พูดจริงหรือพูดเล่น ข้ามองหน้าทิดโยงซึ่งเป็นหัวหน้าคณะแล้วเอ่ยถามเบาๆ
“เรื่องแสดงข้าไม่ห่วงหรอกพี่โยง แต่เรื่องรับมือกับไอ้พวกนั้นน่ะ เตรียมพร้อมแล้วหรือไม่”
“คุณหลวงสบายใจได้ ปกติพวกข้าจัดการเองกันได้อยู่แล้ว แต่คราวนี้เปนงานมงคลของคุณหลวงจึงเรียกคนมาเสริมอีก 5 คน ฝีมือเยี่ยมยอดทั้งนั้น เดี๋ยวจะทยอยมาสมทบเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต” ทิดโยงบอกด้วยน้ำเสียงเปนงานเปนการ ขณะที่ทิดนองกับทิดพ่วงก็หยุดเล่นหัว นั่งฟังอย่างเงียบๆ
ข้านั่งคุยอยู่อีกครู่ใหญ่จึงพาคณะเพลงฉ่อยสามทิดไปพักที่เรือนรับรองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนหลักนัก เรือนหลังนี้มีห้อง 3 ห้อง รองรับคณะเพลงฉ่อยได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งมีชานกว้างให้ได้นั่งซ้อมเพลงกันอีกด้วย
หลังจากนั้นข่าวการมาถึงของสามทิดก็รู้ไปกันไปทั่วทั้งบ้าน น้าปริงกับคนอื่นๆ ต่างอยากไปทักทายพ่อเพลงชื่อดังทั้ง ๓ แต่ข้าปรามเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้ไปรบกวนพวกเขา เพียงสั่งเด็กรับใช้นำข้าวปลาอาหารไปให้เท่านั้น